นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

LogoLogoสวทช. โดยเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) (“หน่วยงาน”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง จึงจัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการของหน่วยงาน (“ประกาศฯ”) โดยประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่ออธิบายให้ผู้ใช้บริการทราบถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการ หรืออาจจะระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) เช่น วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม อาทิ การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือการทำลาย (“ประมวลผล”) และเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
1.

ประเภทของเจ้าของข้อมูลที่หน่วยงาน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ขอใช้บริการ

ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่รับบริการจากหน่วยงาน ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากหน่วยงาน และผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยงาน เป็นต้น

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการ ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการหรือเป็นตัวแทนของผู้ใช้บริการ

2.

แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

หน่วยงาน อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากช่องทางดังนี้

2.1

การเก็บข้อมูลโดยตรงจากผู้ใช้บริการ หรือผู้ติดต่อกับหน่วยงาน

เมื่อมีการติดต่อหน่วยงานโดยการ สื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็นคำติชม ข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือวาจา ผ่านทางเว็บไซต์ โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันโดยตรง การสัมภาษณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใด

เมื่อมีแสดงเจตนาเพื่อใช้บริการจากหน่วยงาน เข้าทำสัญญารับบริการกับหน่วยงาน หรือส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้แก่หน่วยงาน

2.2

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ หน่วยงานจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการ

2.3

ในกรณีที่หน่วยงาน เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ หน่วยงานจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ใช้บริการมีสิทธิยกเลิกความยินยอม โดยติดต่อมายังหน่วยงาน ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 10 ของประกาศฯ ฉบับนี้

3.

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการ ที่อาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย ประกอบด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้

3.1

ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง (Passport) เลขบัตรประจาตัวข้าราชการ เลขใบอนุญาตใบขับขี่ เลขทะเบียนรถยนต์ วัน/เดือน/ปีเกิด รูปถ่าย ลายมือชื่อ ศาสนา สัญชาติ สถานภาพสมรส ข้อมูลของบุคคลในครอบครัว

3.2

ข้อมูลการติดต่อ เช่น ข้อมูลที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล บัญชีผู้ใช้บริการสังคมออนไลน์ (social media)

3.3

ข้อมูลด้านการเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร สถานภาพทางการเงิน หมายเลขบัตรเครดิต/เดบิต ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกากับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสาคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก

3.4

ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลการเข้างานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และระบบต่างๆ ของหน่วยงานข้อมูลจากการบันทึกการใช้งานคอมพิวเตอร์ เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP Address รหัสประจำตัวอุปกรณ์ (Mac Address) ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (Location) ข้อมูลบันทึกการเข้า-ออกระบบ การใช้ระบบ สถิติการเข้าใช้งาน และข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมผ่านทางคุกกี้ (Cookies)

3.5

ข้อมูลอื่นๆ เช่น พฤติกรรมหรือแนวโน้มในการซื้อสินค้า และ/หรือบริการ บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด CCTV บันทึกเสียงการสนทนา เป็นต้น

ในกรณีที่ทางหน่วยงาน มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว และเป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้บริการ หน่วยงานจะแจ้งวัตถุประสงค์และขอความยินยอมจากผู้ใช้บริการก่อนเก็บรวบรวม และประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งเท่านั้น

4.

วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์”)

วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมายและรายละเอียด
เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการ รวมถึงรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้บริการ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของหน่วยงาน ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย:สาหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการ เกี่ยวกับการให้บริการต่าง ๆ ของหน่วยงานเช่น รายละเอียดการเข้ารับบริการ การตอบข้อซักถาม ข้อเสนอแนะ รวมถึง รับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการเพื่อนาไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือการให้บริการของหน่วยงาน
เพื่อนำเสนอ หรือบริการของหน่วยงาน
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการนำเสนอ หรือขายผลิตภัณฑ์และบริการที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของหน่วยงาน
ฐานความยินยอม:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการนำเสนอ หรือขายผลิตภัณฑ์และบริการของหน่วยงาน ที่ต้องอาศัยข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงรายบุคคล หรือข้อมูลในลักษณะโปรไฟลิ่ง สำหรับทำโฆษณาแบบเจาะจงตามพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ(Personalized Marketing)
เพื่อดำเนินเกี่ยวกับการให้บริการตามสัญญา รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของหน่วยงาน
ฐานสัญญา:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการจัดส่งผลิตภัณฑ์และ/หรือให้บริการตามสัญญา การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระ และการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ใช้บริการ
เพื่อการเข้าทำสัญญา และการวางหลักประกัน ระหว่างหน่วยงานกับผู้ใช้บริการ
ฐานสัญญา:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา และการตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ และการวางหลักประกัน
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ และการพิจารณาคุณสมบัติผู้ใช้บริการ
เพื่อทำการวิจัยทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การทำวิจัยเชิงสถิติ การรายงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการของหน่วยงาน
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนการแก้ไขข้อบกพร่องและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของหน่วยงาน
เพื่อดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายลำดับรอง ประกาศ ระเบียบ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ของบุคลากรและทรัพย์สินของหน่วยงาน ณ บริเวณสถานประกอบธุรกิจหรือสถานที่อื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของหน่วยงาน เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินผู้ใช้บริการ และ/หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการ
ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล:สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้บริการ และ/หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการ

ในกรณีที่หน่วยงาน จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น หน่วยงานจะแจ้งวัตถุประสงค์พร้อมฐานทางกฎหมาย หรือในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานจะขอความยินยอมจากผู้ใช้บริการตามแต่กรณี

5.

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

หน่วยงานอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการกับบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ เช่น

ผู้ให้บริการร่วม พันธมิตร คู่ค้า ของหน่วยงาน

ตัวแทนหรือบุคคลใดก็ตามที่ได้รับอนุญาตให้กระทำการแทนหน่วยงาน เพื่อทำการเสนอขาย จัดจำหน่ายหรือให้บริการที่เสนอโดนหน่วยงาน ให้แก่ผู้ใช้บริการ

หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าทีกำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย

ที่ปรึกษาของหน่วยงานเช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด

ผู้เข้าทำธุรกรรมร่วม หรือจะเข้าทำธุรกรรมร่วมกับหน่วยงาน โดยอาจจะมีข้อมูลส่วนบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหรือขาย หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือขายของกิจการของหน่วยงาน

บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้เปิดเผยต่อหน่วยงานนั้นๆ

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากลผู้ใช้บริการ หน่วยงานจะขอความยินยอมจากผู้ใช้บริการก่อน

6.

ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

6.1

หน่วยงานจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูผู้ใช้บริการในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริการแต่ละประเภท ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ระหว่างผู้ใช้บริการและหน่วยงาน เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น โดยจะคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

ระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

อายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่หน่วยงาน ประมวลผล

ทั้งนี้หน่วยงายจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่หน่วยงาน ได้ทำการเก็บเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ตั้งแต่วันที่ธุรกรรมหรือนิติสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล กับ หน่วยงานสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี หากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของหน่วยงาน

6.2

หน่วยงานจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของหน่วยงาน เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือหน่วยงานไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการแล้ว

7

การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปต่างประเทศ หน่วยงานอาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลของผู้ใช้บริการไปยังหน่วยงานในเครือ หรือกลุ่มพันธมิตรที่หน่วยงานเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย รวมทั้งแพลตฟอร์มของคลาวด์ (Cloud) ทั้งนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะได้รับความคุ้มครองตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับข้อกำหนดในประเทศไทย

8

สิทธิของผู้ใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการสามารถขอใช้สิทธิ์ของลูผู้ใช้บริการภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่หน่วยงานกำหนด

8.1

สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม

ในกรณีที่หน่วยงาน อาศัยความยินยอมของผู้ใช้บริการาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมกับหน่วยงาน ได้

8.2

สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอรับสำเนา

ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการและขอให้หน่วยงาน ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.3

สิทธิในการขอถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวผู้ใช้บริการเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.4

สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.5

สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิ์ขอให้หน่วยงานลบหรือทำลายข้อมูลของผู้ใช้บริการ หรือทำให้ข้อมูลของผู้ใช้บริการเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้ เว้นแต่กรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการ

8.6

สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้หน่วยงานระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.7

สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ผู้ใช้บริการมีสิทธิ์ขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของผู้ใช้บริการเป็นปัจจุบันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย

8.8

สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน

หากผู้ใช้บริการามีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของหน่วยงาน เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ โปรดติดต่อหน่วยงาน โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 10 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าหน่วยงาน ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการที่กฎหมายกำหนด

9

ช่องทางการติดต่อหน่วยงาน

หากท่านมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว ฉบับนี้ หรือมีประสงค์ที่จะขอให้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 กรุณาติดต่อหน่วยงาน ตามรายละเอียดที่ปรากฎด้านล่างนี้

ชื่อหน่วยงาน

เมืองนวัตกรรอาหาร (Food Innopolis)

ที่ทำการ

144 อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 (INC2) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนน พหลโยธิน
ตาบลคลองหนึ่ง อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

อีเมล

bd@foodinnopolis.or.th

โทรศัพท์

094-3417111, 094-3404333, 094-2497333

10

การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

หน่วยงานอาจที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ที่สำคัญ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ ขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ฉบับนี้เป็นครั้งคราว